เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ ก.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

เวลาว่าทุกคนเขาช่วยกันปกป้องศาสนา แล้วมีความจำเป็นขนาดไหนล่ะ เวลาชาติไทย เวลารักษาประเทศชาติ เราเป็นอยู่มาได้อย่างไร เวลาฝ่ายความมั่นคงก็เป็นอย่างหนึ่งนะ ฝ่ายเศรษฐกิจก็เป็นอย่างหนึ่ง ความเห็นของเศรษฐกิจเขาก็ต้องบอกว่าให้เปิดกว้าง เพื่อเศรษฐกิจจะได้หมุนเวียนได้คล่องตัว แต่ถ้าฝ่ายความมั่นคงเขาบอกเลยนะ ว่าเศรษฐกิจจะดีขนาดไหนนะ ดูอย่างคูเวตก็โดนยึด เวลาโดนยึดหมดตัวเลยนะ อย่างอิรักเวลาโดนยึดก็หมดตัวเลย ฝ่ายความมั่นคงก็มองไปอย่างหนึ่ง ฝ่ายเศรษฐกิจก็มองไปอย่างหนึ่ง

ประเพณีวัฒนธรรมเขาก็ต้องรักษาประเพณีวัฒนธรรม ประเพณีวัฒนธรรมเขาเอามาขายเป็นสินค้า ว่าเวลาเป็นการท่องเที่ยวทำลายวัฒนธรรมต่างๆ ความเห็นมุมมองต่างๆ การศึกษา เห็นไหม โลกธรรม ๘ สิ่งนี้เป็นธรรมะเก่าแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าสิ่งนี้มีอยู่โดยดั้งเดิม สัตว์ มนุษย์ โลกต่างๆ มันมีอยู่แล้ว การติฉินนินทา เห็นไหม การสรรเสริญ การเยินยอ มันก็มีอยู่โดยมีกิเลสในหัวใจของสัตว์โลก เป็นสภาวะแบบนั้น สิ่งนี้แต่ใครเข้าไปรู้จริง สิ่งที่รู้จริง เห็นไหม ความเป็นรู้จริง ความรู้จริงคือว่าการรักษาสิ่งนี้ สิ่งที่ว่าให้มันเป็นประโยชน์ไง เวลาครูบาอาจารย์เรายึดธรรมวินัย ถ้าธรรมวินัยจะปกป้องสิ่งนี้ แต่เขาเห็นเป็นของเล็กน้อยไง เห็นเป็นของเล็กน้อยเพราะมุมมองมันต่างกัน มุมมองต่างกัน ที่มาต่างกัน ความเห็นต่างกัน

ความเห็นต่างกัน เห็นไหม มุมมองของพวกเรา พยามยามหามุมมองเข้าไปถึง เพราะยึดธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนึ่ง แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์ไว้หนึ่ง เห็นไหม พระอานนท์เวลาเข้าถึงธรรม จะรักษาสิ่งนี้ จะรักษาสิ่งนี้ เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ “กึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง”

ความเจริญอีกหนหนึ่ง เห็นไหม ดูสิในประวัติหลวงปู่เจี๊ยะบอกอาจารย์กงมา มาเผยแผ่ธรรมอยู่ที่ทางจันทบุรี แถวจันทบุรีสมัยก่อนนั้นเขาจะเป็นนักปราชญ์นะ ใครไปธุดงค์จันทบุรี พระออกไปธุดงค์จันทบุรี เขาจะมีลองของเลยล่ะ “กฐินสองคืออะไร กฐินหนึ่งคืออะไร พรรษาหน้า พรรษาหลัง เพราะอะไร ”

เขาศึกษาปริยัติไว้มาก เพราะอะไร เพราะเขาเป็นคหบดี เขาเป็นคหบดีแล้วเขามีฐานะ พอมีฐานะเขาจะหาที่พึ่งของเขา เขาก็ศึกษาธรรมโดยภาคปริยัติไง เขาจะมีความรู้อย่างนี้มาก เวลาอาจารย์กงมา เห็นไหม หลวงปู่ลีวัดอโศการามไปเผยแผ่ธรรมทางนี้ ไปออกบิณฑบาต เขาก็บอก “ธรรมยุตนี่ต้องอุ้มบาตร มาสะพายบาตรอย่างนี้ได้อย่างไร” ฟ้องสมเด็จพระสังฆราชนะ

สมเด็จพระสังฆราชชื่นออกไปสืบไง ไปดู เห็นไหม ไปดูว่าทำอย่างไร ทำว่าถูกต้องตามธรรมวินัยไหม พอไปดูแล้วมันถูกต้องตามธรรมวินัยหมด ถูกต้องธรรมวินัย อุ้มบาตรก็เป็นการอุ้มบาตร แต่นี่มีสายสาแหรกบาตร เห็นไหม อยู่ในข้างหน้าเหมือนกัน อุ้มคล้ายอุ้มเหมือนกัน แต่กระฉับกระเฉงมากกว่าอีกเพราะอะไร เพราะว่าในเรื่องของบาตรนะ ในพระไตรปิฎกเล่มหนึ่งเลยนะ การประคองบาตร การถือบาตร บาตรอย่างนี้ เพราะอะไร เพราะต้องถนอมรักษาไง

เวลาเราบวช การบวช เห็นไหม จะถามบริขาร ๘ อันแรกปัตตังก่อนเพราะอะไร เพราะต้องการให้พระดำรงชีวิตอยู่ได้ไง บาตรนี่ดำรงชีวิตอยู่ได้ แล้วธัมกรกนี่น้ำขาดไม่ได้ ต้องมีธัมกรกอยู่เพราะกรองตัวสัตว์ไม่ให้สัตว์นั้นเข้ามา ธรรมวินัยอย่างนี้เป็นความจำเป็นใช่ไหม แต่ในโลกปัจจุบันมันมีน้ำขวดน้ำอะไร การธุรกิจมันเจริญรุ่งเรือง มองไม่เห็นสภาวะแบบนั้นไง ถึงมองไม่เห็นความจำเป็น จะเห็นความจำเป็น หรือไม่เห็นความจำเป็นก็แล้วแต่ โลกมันหมุนไปตลอดเวลา

กึ่งพุทธกาลธรรมจะเจริญอีกหนหนึ่ง แล้วพอเจริญหนนี้เพราะครูบาอาจารย์พยายามศึกษาสิ่งนี้มา แล้วถ้าทำสิ่งนี้มา มันเหมือนกับเรานะ เราไปไหนมาก็แล้วแต่ถ้าเรากลับบ้านเรา ในบ้านเราในครัวของเรามีอาหารการกิน เราจะมีความสุขมาก เราจะมีความพอใจมาก เราออกไปเที่ยว ออกไปต่างๆ เราก็หาอาหารตามร้านเขากิน ตามร้านอาหาร อาหารเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ แต่เราก็ต้องใช้เงินเราซื้อหามากิน แต่เรากลับบ้านเข้าไปอาหารในครัวเราก็มี สิ่งนี้เราก็มีอยู่

นี่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ผู้ที่ศึกษาธรรมก็เหมือนกัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนร้านอาหารนะ เราร้านอาหาร เห็นไหม เราไปซื้ออาหารกิน เราไปหาอาหารกิน กับถ้าเราปฏิบัติธรรม เราศึกษาธรรมของเรา แล้วเรามีอาหารในใจของเรา เห็นไหม เรามีครัวของเรา อาหารของเราอยู่ในครัวของเรา เรามีความรู้สึกอย่างไร ถ้าของสิ่งนี้มันเกิดขึ้นมาจากเราได้ ธรรมวินัยเป็นอย่างนั้นไง เพราะธรรมวินัยชี้เข้ามาที่ใจของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ แล้วครูบาอาจารย์มีธรรมในหัวใจประพฤติปฏิบัติขึ้นมาสิ่งนี้ ถึงพยายามรักษาสิ่งนี้

แต่ถ้ามุมมองอย่างนี้มันก็มีปัญหากัน มันมีปัญหากันเพราะคนหนึ่งมองอาหารในครัว เพราะในครัวมันเป็นเรื่องของหัวใจ เป็นเรื่องของความสุขความทุกข์ของเรา เป็นเรื่องบ้านของเรา เราจะรักษาสิ่งนี้ได้ คนหนึ่งมองอาหารในร้านค้าไง แล้วมองอาหารในร้านค้า มองอาหารต่างๆ มันก็อาหารนั้นมันก็แล้วแต่ว่าเขาจะขึ้นเมนูเอามาให้เรากินใช่ไหม แล้วเดี๋ยวนี้สินค้าข้ามชาติเข้ามา อาหารของเขา เขาพยายามยัดเยียดมาให้เรากินของเขา อาหารของเขาว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์กับร่างกายมาก ด้วยการวิจัยกันแล้ว แม้แต่อาหารทางเอเชียไม่มีคุณค่าทางอาหารเลย แม้แต่หูฉลามนี้ก็ไม่มีคุณค่าทางอาหาร อาหารของเขาจะมีคุณค่าทางอาหารทั้งหมด อะไรก็เป็นประโยชน์ทั้งหมด

มันจะครอบงำทางวัฒนธรรมก่อนไง ให้เห็นคุณค่าอย่างนั้นก่อน แล้วเราก็เชื่อเขา แล้วเราก็รับสิ่งนั้นเข้ามา แล้วสุดท้ายแล้ว เห็นไหม เขาฟ้องร้องกันนะว่าบริษัทของเขาทำให้คนอ้วนเกินไป ทำให้... สิ่งนี้มันเป็นอะไรล่ะ เรากินอาหารเป็นยานะ สมุนไพรของเรามันเป็นยา รักษาโรคของเราตลอดไป เรากินของเรา เรารักษาของเรา สิ่งนี้เรามีอยู่ แต่เรามองข้ามไป ดูสิ ดูอย่างพืชพันธุ์ เขาจะพยายามเข้ามาวิจัย เข้ามายึด แล้วก็ไปจดลิขสิทธิ์ว่าเป็นของเขา เป็นของเขา ทำอย่างนั้นทุกอย่างเลย

นี้แม้แต่เรื่องของโลกนะ แล้วเรื่องของธรรมล่ะ ถ้าเราไปร่วมมือกับเขา เรามีความเห็นไม่เหมือนกัน ความเห็นเราเห็นแต่เรื่องของโลกเป็นใหญ่ เห็นแต่อาหารในร้านค้าเป็นใหญ่ แต่ในเมื่อผักสวนครัวของเรา อยู่ในบ้านของเราล่ะ แล้วสิ่งที่ว่าเราเอาอาหารเข้ามาทำในครัวของเราล่ะ สิ่งนี่มันเป็นที่ว่าเราดำรงชีวิตของเราอยู่ได้ ดำรงชีวิตของเราอยู่ได้แล้วเราจะทำให้หัวใจของเราเบิกบานขึ้นมาได้ หัวใจเบิกบานขึ้นมาเพราะมันเห็นคุณค่าอย่างนี้ไง ของอยู่กับเรา เพชรอยู่กับเรานะ เราไม่ค่อยเห็นมีคุณค่าเลย แต่ถ้าเพชรอยู่ในร้านค้า เราไปเดินเที่ยว เราไปดูสินค้า เราอยากได้ไปหมดเลย เวลาเขาพูดของเขา เราก็เชื่อเขาไปทุกอย่างเพราะอะไร เพราะมันไม่มีหลักใจไง

ครูบาอาจารย์ของเรามีหลักใจ ถ้ามีหลักใจขึ้นมาไม่ต้องแก้ไขสิ่งใดเลย ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด แล้วในเมื่อเป็นชาวพุทธเรานี่จะทำอะไรมันก็ต้องเอื้อ เอื้อกับ เห็นไหม กฎหมายออกมามันก็ต้องเอื้อกับธรรมวินัยก่อน ถ้ามันขัดแย้งกับธรรมวินัย กฎหมายนั้นจะออกไม่ได้ไง ถ้ากฎหมายนั้นออกมา ออกมาเป็นทางโลก เป็นเรื่องของโลกเขา แต่นี่กฎหมายมันจะเข้ามาครอบงำกับสงฆ์ ครอบงำกับความเป็นไป ถ้าครอบงำกับสงฆ์ เห็นไหม เวลาเราพูดกันว่า วัตถุเจริญจิตใจคนต่ำทรามไง วัตถุเจริญ วัตถุเจริญ แล้วเราก็ไปที่วัตถุกัน เราก็ไปมองกันที่วัตถุกัน

เราพยายามจะออกกฎหมายมา กฎหมายก็เป็นวัตถุอันหนึ่งนะ เช่น อย่างการเปิดกว้าง เห็นไหม ในธรรมวินัยพระมี ๑๐ พรรษาขึ้นเป็นผู้ฉลาดจะบวชพระได้เลย เป็นอุปัชฌาย์โดยธรรมวินัย แต่กฎหมายก็บัญญัติว่าต้องสอบก่อน ต้องสอบ ต้องขอใบอนุญาตก่อน แล้วพอเรื่องการสอบใบอนุญาตอันนั้นมันก็เป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ เป็นเรื่องของการบีบคั้นกันตลอดไป แต่ถ้า ๑๐ พรรษาแล้วฉลาดในธรรมวินัย เป็นผู้ที่บวชได้เลย สงฆ์มันก็จะเป็นไปที่โดยธรรมชาติ นี่บังคับไว้

แต่มันก็มีนะ ในสังคมทุกสังคมต้องมีคนดีและคนชั่วปนกัน คนดีก็ทำคุณงามความดีไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ไง มันเป็นเรื่องเดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องของข้อมูลข่าวสาร มันต้องมีข้อมูลข่าวสาร มันต้องมีการบันทึก มีการต่างๆ อันนี้ก็เห็นด้วยในการปกครอง ถ้าปกครองเพื่อธรรมวินัย ถึงบอกว่าถ้ากฎหมายออกมามันต้องเอื้อวินัย เราขอเท่านี้ ขอว่าจะทำอะไรก็ได้ ต้องเป็นของสงฆ์ สงฆ์ต้องเป็นใหญ่ในเรื่องของสงฆ์นะ สงฆ์ไม่เป็นใหญ่ในเรื่องของโลก โลกกับธรรมต่างกัน เรื่องของธรรม เห็นไหม ศีลธรรม เรื่องของให้คนมีความสุขมีความเจริญในหัวใจ

แต่เรื่องของโลก เรื่องของรัฐบาล เรื่องของโลกรัฐบาลต้องเป็นผู้ดูแลสิ เรื่องของโลก เรื่องของธุรกิจ เรื่องของการเป็นไป เรื่องต่างๆ เรื่องของโลก โลกนี่เป็นการพยายามรักษา เรื่องโรงพยาบาล เรื่องสิ่งต่างๆ เรื่องของรัฐบาลต้องดูแลเรื่องของโลก แต่เรื่องของธรรม ต้องยกเรื่องของธรรมไว้ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เอาเรื่องของธรรมมาเป็นธุรกิจ มาเป็นเรื่องของโลกไป แล้วถ้าเป็นเรื่องของโลกไป มันก็จะเป็นไป

สิ่งที่เป็นไปนะ สมัยพุทธกาลนะ เวลาศาสนาเจริญรุ่งเรือง เห็นไหม มีมหาวิทยาลัยนาลันทาขนาดเผาตำรับตำราทีหนึ่ง ๗ วัน ๘ วัน ไหม้ไม่หมดนะ เพราะอะไร เพราะสิ่งนั้นเป็นศูนย์กลางการศึกษา ศูนย์กลางของการดึงเข้ามา เรื่องของโลกไง ปริยัติความเป็นไปของโลกมันต้องดึงกันมาอย่างนั้น แต่ถ้าการปฏิบัติ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ในป่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ไปสอนปัญจวัคคีย์ก็ในป่า สิ่งที่ในป่ามันมีอยู่ทั่วโลกไป แล้วสิ่งที่ในป่าสิ่งนั้นมันมีครูบาอาจารย์มีธรรมในหัวใจ พระกัจจายนะไปอยู่ในป่า สอนพระโสณะเป็นพระอรหันต์ มากราบขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

“อยู่ในชนบทพระไม่มีเลย เวลาบวชต้อง ๑๐ องค์ขึ้นไปถึงจะบวชได้”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชนบทถึงให้ ๕ องค์ก็บวชได้ เพราะอะไร เพราะรอที ๓ ปี ๕ ปี กว่าพระจะครบองค์แล้วจะบวชได้ ศาสนามันจะเผยแผ่ไปอย่างนั้น ถ้าจุดใดจุดหนึ่งเสียไป จุดอื่นๆ มันก็แก้ไขได้ แต่ถ้ารวบยอดมามาไว้จุดศูนย์กลางอันเดียว เหมือนกับมหาวิทยาลัยนาลันทาทีเดียวคว่ำทีเดียวมันก็จบไง เวลาล่มล่มไปขนาดนั้นนะ เพราะเหมือนกับกรุงเทพฯ ดึงทรัพยากรทั้งประเทศไปไว้ในกรุงเทพฯ ไง แล้วเวลากรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางหัวใจของประเทศไทย เดี๋ยวนี้ต้องแผ่ความเจริญออกไปให้ประเทศทั้งประเทศให้เจริญเหมือนกัน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้อย่างนี้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ให้สงฆ์เป็นใหญ่ ให้พระต่างๆ ที่นั่นเป็นใหญ่ ไม่ใช่ดึงส่วนการปกครองมาไว้ตรงกลางไง แล้วบังคับบัญชากันไง ต้องขออนุญาตทุกๆ อย่าง ต้องขอกันทุกอย่าง ทำอะไรต้องมีการขออนุญาตทุกอย่าง แต่ถ้าสงฆ์เป็นสงฆ์โดยธรรมวินัยเป็นศาสดาของเรา จะมีการก่อสร้าง จะมีการอะไรก็ตาม ก็ต้องปรึกษาสงฆ์ สงฆ์จะเป็นใหญ่ตลอด สงฆ์จะเข้าใจอย่างนั้นตลอด แต่นี้มันไม่เป็นอย่างนั้นสิ มันจะดึงเข้ามา เห็นไหม เหมือนทรัพยากรก็ดึงเข้าไปอย่างนั้น แล้วศาสนามันจะอยู่ได้อย่างไร ต่อไปถ้ามีปัญหาขึ้นมา ถ้าจุดศูนย์กลางนั้นต้องการให้เบี่ยงเบนไปซ้ายไปขวา มันก็มีความเสียหายใช่ไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงไม่มอบพระสงฆ์นี้ สังฆะนี้ ไว้ให้ใครเลย พระเทวทัตมาขอการปกครองสงฆ์ เห็นไหม แม้แต่พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ให้ แล้วจะไปให้ใครนะ ถึงให้ธรรมวินัยไง ให้ธรรมวินัย ธรรมคือความถูกต้อง ถ้าพูดถึงการประพฤติปฏิบัติเวลาว่าปกป้องศาสนา ปกป้องศาสนา ปกป้องใจของตัวให้ได้ก่อนเถอะ ในเมื่อใจของตัว เราถามใจของตัว ความลับไม่มีในโลก ว่าใจของตัวสกปรกขนาดไหน ในเมื่อทุกอย่างก็เป็นธุรกิจไปหมด จะทำอะไร ก็เรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องเงินเรื่องทองนี้ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แล้วเรื่องเงินเรื่องทองก็ต้องสูญหาย ต้องมีปัญหากันตลอดไป เห็นไหม

นี่หลวงตาทำมาเป็นหมื่นๆ ล้าน สิ่งนี้จะเรื่องความผิดพลาด เรื่องก่อนจากการตุกติก จากสายงานข้างนอกนั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเข้าไปสู่จุดศูนย์กลางแล้ว เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้เพราะอะไร เพราะธรรมมันมีคุณค่ามากกว่านี้ ครูบาอาจารย์บอกให้เอากองเงินกองทองกองท่วมฟ้านะ ก็ยังจะทำให้ใจดวงนี้จะเห็นคล้อยตามไปอย่างนั้นไม่ได้เลย เพราะสิ่งนั้นเป็นเรื่องของโลก ธรรมมันสละสิ่งนั้นเข้ามาทั้งหมดแล้ว แล้วมันจะทุจริตเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร

ในเมื่อถ้าเป็นอย่างนั้น มันถึงจะเป็นความบริสุทธิ์ของใจ ถึงจะปกป้องศาสนาด้วยความเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมอันนี้จะปกป้องศาสนาไว้ให้กับลูกหลานนะ ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ประพฤติปฏิบัติมาพ้นจากกิเลส พ้นจากความเป็นไปแล้ว ไม่ต้องมาแบกโลกให้มันเปื้อนขี้หรอก ท่านบอกถังขยะต้องลงมาคลุกกับสิ่งเน่าเหม็น แต่มันก็ต้องทำเพื่ออนุชนรุ่นหลังไง ทำเพื่อกุลบุตรสุดท้ายภายหลัง ผู้ที่มีหูมีตา ผู้ที่เป็นไข้ได้ป่วยจะมี มียารักษาใจไง ธรรมะโอสถรักษาใจ

แต่ถ้าธรรมโอสถนี้โดนบิดเบือนไปทั้งหมด เห็นไหม โรงพยาบาลเอายาเททิ้งให้หมดเหลือแต่ขวดไว้เปล่าๆ เห็นไหม นี้ก็เหมือนกัน เหลือแต่กรอบไว้เฉยๆ แต่ธรรมความจริงในหัวใจไม่มีเลย แล้วมันจะเอายาที่ไหนมารักษาใจของสัตว์โลกล่ะ ถ้าใจของสัตว์โลกมีอยู่นี่ ครูบาอาจารย์มียาด้วย มีธรรมด้วย มีขวดรักษาไว้ ขวดคือกฎหมายที่เขาเขียนกันอยู่นี่ กฎหมายเขียนกันขนาดไหนมันก็เอื้อเพื่อรักษายาตัวนั้นสิ กฎหมายไม่ได้เขียนไว้เพื่อจะเทยานั้นทิ้งให้หมดเลย แล้วยานั้นไม่มีรักษาหัวใจของสัตว์โลก แล้วมันจะเป็นไปอย่างไร

ความสลดสังเวชของครูบาอาจารย์เป็นอย่างนั้นไง ท่านไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เพราะว่าพูดถึงท่านเหนือสุดขอบฟ้าอยู่แล้ว เหนือทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ก็มาทำเพื่อกุลบุตรพวกเรา เราถึงจะทุกข์จะยากบ้าง โลกธรรม ๘ วันนี้วันพระ เราจะประพฤติปฏิบัติ เราต้องรักษาใจเรา ถ้าใจเรานะมันมีความคิดบริสุทธิ์ผุดผ่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าศีลมันไม่ผิดไปจากใจของเรา เราจะทำสมาธิก็ง่ายขึ้นมา ถ้าศีลของเรามันสกปรกโสมม เราไปนั่งหลอกตัวเองอย่างนั้น มันเป็นไปไม่ได้หรอก ประพฤติปฏิบัติสร้างสิ่งต่างๆ สร้างวัตถุไว้มากมายเลยนะ แล้วก็มีปัญหากันเรื่องเงินเรื่องทองทั้งร้อยแปดเลย แล้วก็มาภาวนากัน ภาวนากัน ไอ้ปากก็ภาวนากันนะ แต่ผลประโยชน์เอาเข้ากระเป๋า เอาเข้ากระเป๋า มหาศาลเลย

แต่ของเรานี่อยู่ป่าอยู่เขากัน ถ้าภาวนาก็นั่งโคนไม้กัน ทำการประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามสัจจะ ตามความเป็นจริงอันนั้น ไม่ต้องสร้างภาพ ไม่ต้องสร้างกันให้มันเป็นธุรกิจขึ้นมา ไม่ต้อง นั้นเป็นเรื่องของโลก อย่าเอาโลกเข้ามาเกี่ยวกับธรรม ธรรมคือธรรม คือความเป็นไป มันจะได้ขนาดไหน มันก็ได้ขนาดนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้ก็เพื่อสัตว์โลก เห็นไหม แล้วสัตว์โลกทำได้ก็เป็นไปธรรมนั้น จะรักษาสิ่งนี้ได้

แต่เขาก็บอกว่า มันไม่ทันกิน มันต้องทำเป็นธุรกิจ มันถึงว่ามันจะบริหารได้มากมายมหาศาล จะเผยแผ่ศาสนาไป ก็เผยแผ่แต่ขวดยาไง แต่ตัวยาไม่มีเลย เอาแต่ขวดยานี่เผยแผ่กันออกไป เอาแต่กฎ เอาแต่ความคิดของแต่กิเลสที่มันเขียนบัญญัติขึ้นมาแล้วก็เผยแผ่กันออกไป แต่ธรรมในหัวใจ เนื้อยาที่จะมาให้กินแล้วรักษาโรค ไม่มีเลย มันถึงต้องต่อสู้กันไง

การต่อสู้ของครูบาอาจารย์เพื่อเหตุนี้นะ เราจะเหนื่อยจะยาก การเหนื่อยยากนี้เพื่อบุญกุศล ไม่มีสิ่งใดมาเปล่าๆ หรอก ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ฝนจะตกฟ้ามันยังต้องร้องเลย ยังมีฟ้าผ่าเลย เพื่ออะไร เพื่อน้ำนั้นจะมาชุ่มชื่นในหัวใจ นี้ก็เหมือนกัน เราจะได้บุญกุศลเราก็ต้องลงแรงของเรา ใครจะว่าอย่างไรนั้นโลกธรรม ๘ เรื่องของเขา เราถ้าเราศรัทธาเชื่อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อครูบาอาจารย์ของเรา เราจะทำสิ่งนี้ได้

นี่คนตาบอดกับคนตาดี เห็นไหม เขาโคกับขนโคมันมีน้อยมาก และเราเป็นคนส่วนน้อย เราเป็นคนส่วนน้อยเราก็จะปกป้องศาสนาไป จะทำของเราไปขนาดไหน เราก็ทำไป คนส่วนมากเขาจะเห็นอย่างไร เขาก็เห็นกันไป เพราะมันเห็นได้ง่ายไง ขวดยาใครๆ ก็มองเห็นใช่ไหม แต่เนื้อยามันอยู่ในขวดนั้นใครมองไม่เห็นหรอก มันถึงเห็นได้ยาก แต่ถ้าเราต้องการเนื้อยาอันนี้ เราจะรักษาสิ่งนี้ มันถึงเป็นประโยชน์ของเรา นี้คือบุญกุศลของเรา เราจะต้องลงทุนลงแรง จะขนาดไหน เพื่อบุญกุศล เพื่ออำนาจวาสนา เพื่อบารมีของใจดวงนี้ เพื่อจะได้ประพฤติปฏิบัติสมกับความปรารถนา ขอให้พ้นทุกข์จากชาตินี้

เพราะนี่ดูสิ ดูภัยสิ ขนาดที่ว่ามีครูบาอาจารย์ค้ำยันอย่างนี้ มันยังเปลี่ยนแปลงกันได้ขนาดนี้ แล้วเราเกิดตายๆ ไป มันจะไปเหลืออะไร เหลือแต่อย่าว่าแต่ขวดยาเลย เหลือแต่ฝาขวดก็ยังไม่เจอ เหลือแต่เศษขวดก็จะไม่มี แล้วเราจะเอาอะไรเป็นที่พึ่งอาศัย แล้วเราจะประพฤติปฏิบัติกันอย่างไร เราจะเข้าถึงหัวใจของเรากันได้อย่างไร ถึงต้องกลับมาเตือนตัวเอง ดูใจของตัว แล้วดูออกไป ธรรมะย่อมชนะอธรรม แต่จะช้าจะเร็ว เราต้องดูเรื่องสัจจะความจริงอันนี้ เห็นไหม สิ่งนี้แห้งแล้งขนาดไหน ฝนตกมาทีเดียวมันก็ชุ่มชื้น

นี่ก็เหมือนกัน มันจะแห้งแล้งขนาดไหน มันจะทุกข์ยากขนาดไหน แต่ถ้าเราทำของเรา เพื่อผลของเรา เพื่อใจของเรา เราทำอะไร เรารู้ทุกคน ทุกคนมีสติสัมปชัญญะ ทุกคนจะรู้ว่าทำอะไรอยู่ แล้วถ้าทำแล้วมันเป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์ ก็อยู่ที่กรรมของสัตว์ เห็นไหม บทที่มันแห้งแล้งมันก็แห้งแล้ง บทที่ฝนตกชุ่มชื้น มันก็ชุ่มชื้น ถ้าใจของเราทำได้อย่างนี้มันจะเป็นบุญของเรา เป็นอำนาจวาสนาของเราเพื่อใจของเรา เอวัง